f
title
แขวงทางหลวงอ่างทอง
Angthong Highway
พร้อมซิ่ง!! มี.ค.นี้เหยียบ 120 กม./ชม.ถนนสายเอเซีย 50 กม.
ลงวันที่ 11/03/2564
พร้อมซิ่ง!! มี.ค.นี้เหยียบ 120 กม./ชม.ถนนสายเอเซีย 50 กม.
*”ศักดิ์สยาม”ตั้งธงสิ้นปีนี้ต้องวิ่งให้ได้ทั่วประเทศ
*เตือนประชาชนดูป้ายดีๆ อย่าใช้ความเร็วผิดเลน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ.2564 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ซึ่งการบังคับใช้จะมีผลเป็นรูปธรรมก็ต่อเมื่อผู้อำนวยการทางหลวงออกประกาศกำหนดให้ถนนเส้นไหน และช่วงใดใช้ความเร็วตามกฎกระทรวงได้ เบื้องต้นกระทรวงคมนาคมจะนำร่องให้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตร(กม.)ต่อชั่วโมง(ชม.) บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ช่วงบริเวณหมวดทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง กม. ที่ 4+100-50+000 ระยะทางประมาณ 50 กม.ภายในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งจะมีการจัดคิกออฟ จากนั้นจะทยอยดำเนินการบนเส้นทางอื่นๆ ต่อไป ตั้งเป้าอยากให้ใช้บนถนนทั่วประเทศได้ภายในปี 64
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับวิธีการดูว่าถนนเส้นใดจะสามารถใช้ความเร็วที่ 120 กม.ต่อชม. ได้นั้น นอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบก่อนล่วงหน้าแล้ว บนถนนเส้นนั้นจะมีการติดตั้งป้ายจราจรแจ้งความเร็ว และทำเนินชะลอความเร็ว (Rumble Strip) โดยใช้สีเขียว แจ้งเตือนว่าจะเข้าเขตพื้นที่ที่จะสามารถใช้ความเร็ว 120 กม.ต่อชม.ในช่องทางขวาได้แล้ว จากนั้นเมื่อใกล้จะออกจากเขตพื้นที่ จะมีเนินชะลอความเร็วสีเหลืองแจ้งเตือน เมื่อวิ่งผ่านจะต้องเริ่มชะลอความเร็ว และเมื่อเจอกับเนินชะลอความเร็วสีแดงจะหมายถึงว่าได้พ้นเขตพื้นที่ที่จะใช้ความเร็ว 120 กม.ต่อชม.ได้แล้ว
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ได้มอบให้กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) นำข้อมูลผลการสำรวจเส้นทางถนนทั่วประเทศว่ามีเส้นทางใด และช่วงใดบ้างที่จะสามารถประกาศใช้ความเร็วตามกฎกระทรวงฉบับนี้ได้ มารายงานให้กระทรวงคมนาคมในวันที่ 12 มี.ค.64 ก่อนนำเข้าพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งมีตนเป็นประธาน ในวันที่ 15 มี.ค. พิจารณาอีกครั้งว่าในระยะที่ 1 จะเริ่มให้ใช้ 120 กม.ต่อชม. เพิ่มเติมในเส้นทางใดได้อีก เบื้องต้นเท่าที่ทราบมีอยู่ประมาณ 1.2 หมื่นกม.ที่ค่อนข้างพร้อมแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับงบประมาณที่ใช้ในการติดตั้งเครื่องอำนวยการจราจรต่างๆ และอุปกรณ์ความปลอดภัยบนถนนที่ใช้ความเร็ว 120 กม.ต่อชม.ได้นั้น ได้มอบให้ ทล. และ ทช. ประสานกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อขอใช้เงินจากกองทุนความปลอดภัยทางถนน (กปถ.) มาใช้ดำเนินการต่อไป
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในการประชุมวันที่ 15 มี.ค. จะหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ในการทำความเข้าใจกับกฎกระทรวงดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะการจับปรับการใช้ความเร็วรถเกินที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจะหารือกับ สตช. ว่านำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ตรวจจับผู้ที่ใช้ความเร็วไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดในแต่ละช่องจราจรได้ โดยในเร็วๆ นี้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะลงนามในประกาศ ขบ. เรื่องที่จะให้ความผิดในการไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรที่ตำรวจออกใบสั่ง สามารถมีผลกับการต่อใบอนุญาตขับรถ
นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า การประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่านโยบายของกระทรวงคมนาคมในเรื่องการปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์เป็น 120 กม.ต่อชม.แปรไปสู่การปฏิบัติได้จริง เพื่อมุ่งหวังที่จะอำนวยความสะดวก รวดเร็วในการเดินทางให้แก่ประชาชน โดยยังคงยึดหลักความปลอดภัย อย่างไรก็ตามขอย้ำให้ประชาชนสังเกตป้ายแจ้งเตือนให้ดีว่าแต่ละช่องสามารถใช้ความเร็วได้เท่าใด เช่น ช่องจราจรซ้ายสุด 80 กม.ต่อชม. และช่องขวาสุด 120 กม.ต่อชม. มิฉะนั้นหากใช้ผิดช่องจราจรจะมีความผิดได้.
????ฝาก กดไลค์ like ถูกใจ ???? กด follow ติดตาม ????และกด share ????เพจข่าวนวัตกรรมขนส่ง เดลินิวส์ ด้วยนะจ๊ะ??

'